บทที่1: ระเบียบทุกเช้า
นาฬิกาปลุกยังไม่ทันดัง แบงค์ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน
ท้องฟ้ายังไม่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้ม เขาลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันเหมือนเดิมทุกวัน
ห้องน้ำบ้านเขามีไฟนีออนสีขาวที่สว่างจ้าและเย็นเยียบ ทำให้เขามองเงาตัวเองในกระจกได้ชัดเจนเกินไป
ใบหน้าที่ไม่อยากมองนานเกินห้าวินาที
ดวงตาที่ดูปกติแต่ซ่อนบางอย่างเอาไว้
เส้นผมที่จัดยังไงก็ไม่เคยดูดีพอในสายตาพ่อ
"รีบลงมากินข้าว" เสียงแม่ตะโกนจากชั้นล่าง
แบงค์สวมเสื้อนักเรียน ติดกระดุมอย่างตั้งใจ กางเกงรีดเป๊ะ เข็มขัดไม่มีรอยพับ
เขาตรวจเช็กหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินลงไป
ที่บ้านเขา ความเงียบไม่ได้แปลว่าอบอุ่น
แต่คือระเบียบที่ไม่มีใครกล้าทำลาย
และทุกเช้าก็เป็นแบบนั้น—ตลอดมา
บทที่2: เพื่อนที่หัวเราะได้เสมอ
แบงค์เป็นคนประเภทที่ใครเจอก็พูดว่า "เฮ้ย ไอ้นี่มันฮาดี"
เขารู้ว่าจะพูดอะไรให้คนทั้งห้องหัวเราะ แม้ในวันที่ครูอารมณ์ไม่ดีหรือข้อสอบยากจนเด็กหลายคนหน้าเครียด
เขาโยนมุก สร้างเรื่องเล่น ชวนคนรอบข้างหัวเราะ
แม้กระทั่งอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ยังเคยเรียกเขาว่า "ตัวสร้างบรรยากาศ"
แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลายครั้งเขากลับบ้านด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
ไม่มีเสียงหัวเราะใดตามเขากลับมาด้วย
เหมือนทุกครั้งที่เขาทำให้คนอื่นยิ้ม เขาฝังเศษเล็ก ๆ ของตัวเองไว้ในรอยยิ้มนั้น
เขาไม่ใช่คนเก่งที่สุดในห้อง แต่พยายามมากที่สุดในแบบที่ไม่มีใครเห็น
เพราะต่อให้เขาไม่ได้อยากหัวเราะเสมอ เขาก็รู้ว่า...
คนแบบเขาไม่มีสิทธิ์จะเงียบ
บทที่3: ที่บ้านไม่ต้องพูดเยอะ
โต๊ะกินข้าวมีอาหารวางเรียงอยู่เสมอ—อุ่น ร้อน สะอาด
แต่ไม่มีใครถามกันว่าวันนี้เหนื่อยไหม หรือมีเรื่องอะไรในใจ
พ่อเปิดทีวีข่าว เสียงผู้ประกาศเล่าข่าวการเมืองกับเศรษฐกิจเสียงดังกลบการสนทนา
แม่ตักข้าวให้เงียบ ๆ น้องสาวนั่งข้าง ๆ ก้มหน้าเล่นมือถือ
"คะแนนฟิสิกส์เท่าไหร่" พ่อถามขึ้นมาทันทีที่ได้จังหวะ
"เก้าสิบแปดครับ" แบงค์ตอบอย่างระมัดระวัง
"ดีแล้วลูก" พ่อพูด ขณะยังไม่ละสายตาจากจอทีวี
ไม่มีคำชื่นชม ไม่มีคำถามเพิ่มเติม ไม่มีรอยยิ้ม
มีเพียงความคาดหวังที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างมองไม่เห็น
มันหนักกว่าเสียงตำหนิ
และลึกกว่าเสียงดุ
แบงค์ไม่รู้ว่าความเงียบในบ้านเขามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกำแพงที่หนากว่ากำแพงจริง ๆ ไปแล้ว
บทที่4: ระหว่างบรรทัด
สมุดโน้ตวิชาวิทยาศาสตร์ของแบงค์มีการจดละเอียด
เขียนหัวข้อ ใส่ไฮไลต์ มีสรุปย่อและรูปวาดประกอบ
ใครดูจะคิดว่าเป็นของนักเรียนที่มีเป้าหมายชัดเจน
แต่ระหว่างหน้าบันทึก มีข้อความที่ไม่มีใครเห็น
เขียนด้วยดินสอจาง ๆ หรือไม่ก็ปากกาหมึกบางเฉียบ
บ้างเป็นคำถาม บ้างเป็นบทสนทนาทางเดียว บ้างเป็นประโยคที่เขาไม่กล้าพูด
"การที่เราเรียนดี มันแปลว่าเรามีความสุขหรือเปล่า?"
"ถ้าฉันบอกพ่อว่าไม่อยากเป็นหมอ พ่อจะฟังมั้ย"
"เราเลือกเส้นทางเองจริง ๆ หรือแค่เดินตามคนอื่นไปเรื่อย ๆ เพราะกลัวหลง?"
บางวันเขาเขียนแค่ประโยคเดียวแล้วปิดสมุด
แต่ประโยคนั้นติดอยู่ในหัวไปทั้งวัน
บทที่5: ประโยคที่อยากพูดแต่พูดไม่ได้
ในคาบสังคมวันนั้น ครูให้เปิดหนังสือที่ไม่มีใครสนใจ
ภูนั่งอ่านแบบตั้งใจ แบงค์นั่งเล่นปากกาแบบไร้จุดหมาย
"แกเคยแบบ... รู้สึกว่าไม่รู้จะเก่งไปทำไมมั้ยวะ"
แบงค์ถามออกไปแบบไม่มองหน้าภู
"ก็เก่งแล้วมันไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ อะ"
"พ่อก็บอกแค่ 'ดีแล้วลูก' ครูก็บอกให้พยายามต่อ แต่ไม่มีใครบอกว่า...เก่งแล้วไม่เป็นไรที่จะเหนื่อยบ้าง"
ภูนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะพูดแผ่วเบา
"เคยดิ…"
คำตอบสั้น ๆ แต่เหมือนเปิดกล่องอะไรบางอย่างในใจแบงค์
มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา
แต่มันทำให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้บ้าไปคนเดียว
บทที่6: ดาดฟ้าและแดดสุดท้าย
วันศุกร์ แดดแรงจนตึกโรงเรียนร้อนฉ่า
หลังเลิกเรียน แบงค์ไม่กลับบ้านทันที แต่เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า
ที่นี่ไม่มีใครขึ้นมา เวลานี้ไม่มีเสียงเด็ก ไม่มีเสียงประกาศ ไม่มีความคาดหวัง
มีแค่ลมร้อน กลิ่นฝุ่น และพระอาทิตย์ที่กำลังตก
เขานั่งพิงกำแพง หยิบสมุดจดออกมา
คราวนี้เขาไม่ได้เขียนสูตร ไม่ได้จดแผนอ่านหนังสือ
แต่เขาเขียนสิ่งที่ไม่มีใครสอน ไม่มีในหนังสือเรียน
"ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าความฝันที่ฉันพูดถึงทุกวัน มันเป็นของฉันจริง ๆ หรือของคนอื่นที่ฝากมาให้เดิน"
"ถ้าฉันหยุดวิ่ง ใครจะหายไปจากชีวิตฉันบ้าง"
เขาวางปากกา หายใจลึก
แสงสุดท้ายของวันส่องกระทบหน้าสมุดจนสีหมึกดูจางลง
แต่ความรู้สึกในนั้นกลับชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมด
บทที่7: เพื่อนที่ฟังเงียบ ๆ
วันจันทร์ ภูเข้าห้องเรียนเร็วผิดปกติ
แบงค์เดินไปนั่งข้าง ๆ แล้วหยิบสมุดออกมายื่นให้
"ไม่ต้องพูดอะไร...แค่อ่านก็พอ" เขาพูดเรียบ ๆ
ภูรับสมุดไป เปิดดูหน้าหลัง อ่านเงียบ ๆ จนจบ
ไม่มีคำถาม ไม่มีคำอธิบาย
มีแค่แววตาที่อ่อนลงและมือที่ตบหลังเบา ๆ
"ไม่ว่าแกจะเปลี่ยนทางหรือจะหยุดเดินตรงนี้…เรายังเดินอยู่ข้าง ๆ กันนะ"
ประโยคนั้นไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ซึ้งจนต้องร้องไห้
แต่มันคือครั้งแรกที่แบงค์รู้ว่า
แม้เขาจะยังไม่รู้จะเดินไปทางไหน
แต่เขาไม่ได้เดินอยู่คนเดียว